คำถามที่พบบ่อย

ผลกีวีเป็นผลไม้ที่มีรสชาติเยี่ยมในฤดูหนาว ฤดูผลิตหลักของมันจะมีระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงพฤษภาคม นี่เป็นช่วงเวลาที่กีวีฝรั่งเศสผลิตออกมามากที่สุด

เมื่อสัมผัสผลกีวีควรจะอ่อนนุ่มเพื่อให้มีเนื้อนุ่มและหวาน หรืออาจจะแข็งเล็กน้อยสำหรับรสชาติอมเปรี้ยว โดยคุณสามารถเลือกได้ตามความชอบ แต่ในทั้งสองกรณีผลไม้กีวีไม่ควรนุ่มนิ่ม นั่นเป็นสัญญาณบอกถึงความสุกเกินไป ซึ่งทำให้สูญเสียรสชาติอมเปรี้ยวที่เป็นเอกลักษณ์ ผิวควรเรียบและสม่ำเสมอโดยไม่มีร่องรอยใดๆ

หากคุณมีข้อสงสัย ทางที่ดีควรเลือกผลกีวีที่ยังเปลือกแข็งกว่า เหมือนในกรณีของลูกอะโวคาโดและลูกแพร์ เนื่องจากผลกีวีเป็นผลไม้ที่เปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศซึ่งหมายความว่าจะสุกงอมไปเรื่อยๆ หลังจากเก็บเกี่ยว โดยจะสามารถเก็บไว้ได้ประมาณ 10 วันที่อุณหภูมิห้องและ 3 สัปดาห์ในช่องเก็บผักในตู้เย็นของคุณ แต่หากคุณต้องการชิมผลกีวีของคุณเร็วขึ้นล่ะ? ให้เก็บไว้ใกล้ๆ กับแอปเปิ้ลซึ่งจะปล่อยเอธิลีนออกมา ผลกีวีของคุณจะสุกไวขึ้นก่อนที่คุณจะรู้เสียอีก!

กีวีฟรุตสามารถตัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วนและใช้ช้อนเล็กๆ ตัก นอกจากนี้ยังสามารถปอกเปลือกได้ง่ายด้วยเครื่องปอกมันฝรั่งก่อนที่จะหั่นเป็นชิ้นบางๆ ผลกีวีสามารถบริโภคดิบๆ เป็นส่วนของรสหวานในฟรุตสลัดและสมูทตี้ แต่ยังสามารถทานได้เป็นของว่าง, หรือทานร่วมกับปลาแซลมอนรมควัน, เป็นส่วนผสมในสลัดกับอะโวคาโดและเกรฟฟรุตหรือเป็นเครื่องเคียงกับซูชิ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบแบบไหนและรู้สึกอยากจะทานอย่างไร!

กีวีฟรุตเป็นพืชเถาที่เติบโตอย่างแข็งแรงมากซึ่งคล้ายๆ กันกับองุ่น เถา Actinidia (ชื่อวิทยาศาสตร์) มียอดแข็งแรงมาก โดยสามารถเติบโตได้ยาวถึง 5-10 เมตรในฤดูกาลเดียว! นั่นเป็นเหตุผลที่จะต้องมีโครงสร้างรองรับการเติบโตเพื่อให้เถากีวีสามารถขยายตัวได้ดีขึ้นและรองรับผลผลิตได้ ต้นพืชมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย ในสวน จะมีการปลูกต้นตัวผู้หนึ่งต้นต่อต้นตัวเมียหกต้นเพื่อให้แน่ใจว่ามีการผสมเกสรได้พอเพียง นอกเหนือไปจากลมแล้ว ผึ้งยังมีส่วนสำคัญในการผสมเกสรไปยังดอกเพศเมีย นั่นคือเหตุผลที่มีรังผึ้งมักถูกเลี้ยงไว้ใกล้ๆ สวนกีวี ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ: เถา Actinidia ไม่ได้รับผลกระทบจากแมลงหรือแมลงศัตรูพืช ทำให้ไม่ต้องมีการใช้ยาฆ่าแมลงและยาฆ่าเชื้อราในการเพาะปลูก

เพราะว่าในน้ำหนักเท่ากัน ผลกีวีมีวิตามินซีมากกว่าส้ม นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามิน A และ E แคลเซียมเหล็กและกรดโฟลิก สุดท้ายคือเป็นแหล่งของเส้นใยเนื่องจากเนื้อและเมล็ดจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การย่อยอาหารดีขึ้น นอกจากนี้ กีวียังมีแคลอรี่ต่ำ (50 แคลอรี่ต่อ 100 กรัม) มันจึงดีจริงๆ!